เปิดตํานาน sim democracy เมืองประชาธิปไตย
Previous Next
Previous Next
Previous Next อาทิตย์ที่ผ่านมานี้ มีข่าวใหญ่ข่าวหนึ่งในวงการของเล่น เมื่อบริษัทเลโก้ออกมาประกาศว่า จะตัดของเล่นที่มี gender stereotype หรือของเล่นที่สร้างภาพจำเพศหญิง-ชายออก พร้อมเปิดเผยผลวิจัยสนับสนุนการตัดสินใจนี้ สถาบันจีนาเดวีส์ ทำการสำรวจผู้ปกครองและเด็ก 7,000 คนในสหราชอาณาจักร สหรัฐอเมริกา จีน ญี่ปุ่น สาธารณรัฐเช็ก โปแลนด์ และรัสเซีย และพบข้อมูลหลายอย่างที่น่าสนใจ เช่น เรื่องอิสระในการเล่น – พบว่าเด็กผู้หญิงมีความมั่นใจและอินกับการเล่นที่หลากหลายบทบาทมากกว่า ในขณะที่เด็กผู้ชายถึง 71% กลัวการถูกล้อเลียนหากเล่นของเล่นที่สังคมตีตราว่าเป็นของเด็กหญิง – พ่อแม่ของเด็กผู้ชายมักผลักดันให้ลูกเล่นกีฬา หรือของเล่นจำพวก STEM (เช่น ตัวต่อประกอบ) ส่วนเด็กหญิงก็จะได้เรียนเต้น
Previous Next ไม่ว่าจะเป็น “ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่นั่น” “ตั้งใจเรียน แล้วเป็นเจ้าคนนายคน จะได้ไม่ต้องลำบากเหมือนพ่อแม่” หรือ “หาตัวเองให้เจอแล้วมีความสุขกับชีวิต” ทั้งหมดเป็นคำสอนที่ส่งผ่านจากรุ่นหนึ่งไปสู่รุ่นหนึ่ง บนฐานของสิ่งที่ตนได้พบเห็นและประสบการณ์ที่ตนเองมี สิ่งเหล่านี้อาจจะเวิร์คในสมัยก่อน เพราะโลกยังเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่พอคาดเดาได้ แต่จะทำอย่างไรเมื่อการคาดเดาสามารถทำได้ยากขึ้น หรือแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย??!!? คำตอบก็คือ Resilence หรือความสามารถในการปรับตัวให้ได้ การล้มแล้วลุกให้ได้ การพร้อมที่จะทิ้งสิ่งที่มีอยู่ (ที่ใช้ไม่ได้แล้ว) และเริ่มสิ่งใหม่ แต่จะทำอย่างไรให้คนรุ่นใหม่มีทักษะนี้ ยังไม่มีโรงเรียนไหนสอน และถึงจะมีสอนมันก็คงจะเวิร์คยาก เพราะเรื่องนี้เป็น life style มากกว่าความรู้ มันจึงต้องใช้เวลานานในการบ่ม ต้องอาศัยการสร้างวัฒนธรรม สร้างวาทกรรมใหม่ๆ ที่ทำให้เกิด resilence
Previous Next สังเกตไหมคะว่ารอบ ๆ ตัวเรามีคนเป็น #ภูมิแพ้ หรือหอบหืดไม่น้อย โดยเฉพาะเด็กรุ่นใหม่ ๆ ทั้ง ๆ ที่วิทยาการแพทย์ก้าวหน้า และความเป็นอยู่ดีขึ้น สะอาดสะอ้าน แต่ทำไมโรคนี้ถึงได้ผุดขึ้นมามากมายเป็นดอกเห็ด? คำถามนี้เป็นคำถามเดียวกับคุณหมอหลาย ๆ คนในตลอด 200 ปีที่ผ่านมา (อ้อ!! หมายความว่าโรคนี้เพิ่งเกิดมาไม่นานนี้เองสินะ) รายงานทางการแพทย์ฉบับแรก ๆ เกี่ยวกับโรคนี้ เพิ่งเกิดขึ้นในปี 1819 โดยหมอ จอห์น โบสต๊อก ที่บันทึกอาการของผู้ป่วยและวิธีรักษาที่ทดลองว่า ไม่ว่าจะเป็นการใช้มอร์ฟีน การแช่น้ำเย็นจัด การหลั่งเลือด (Bloodletting) ก็ไม่ได้ทำให้อาการดีขึ้น วิธีการเดียวที่ดูเหมือนจะได้ผลก็คือ
Previous Next เวลาเราจินตนาการผู้มีอัจฉริยภาพในวิชากลุ่ม STEM (Science, Technology, Engineering, Mathematics) แอดมินคิดว่าคนส่วนใหญ่จะคิดถึงเด็กเนิร์ด ตัวซีด ๆ วัน ๆ นั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ หรือรากงอกอยู่กับโต๊ะเขียนหนังสือ ในมือก็ขีด ๆ เขียน ๆ สมการอะไรก็ไม่รู้ที่ดูแทบไม่เป็นภาษา และหลาย ๆ คนก็ถูกหลอกด้วยภาพจำเหล่านั้น จนเข้าใจว่าถ้าอยากให้ลูกเก่งเลข เก่งวิทยาศาสตร์ การจับเขาแก้สมการและจินตนาการถึงพันธะโคเวเลนต์ จะช่วยให้เด็กเป็นอัจฉริยะได้ แต่ผลวิจัยไม่ได้บอกเช่นนั้น แต่กลับเป็นไปในทางตรงกันข้าม เมื่อนักวิจัยพบความสัมพันธ์ที่สอดคล้องกันว่า นักคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ วิศวกร และนักประดิษฐ์ ต่างก็มีความฉลาดด้านมิติสัมพันธ์ในระดับสูง
Previous Next
Previous Next มาตรการปิดเมืองทำให้เด็ก 1.4 ล้านคนต้องหยุดเรียนและทำกิจกรรมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น การออกไปเล่นนอกบ้าน การเข้าพิพิธภัณฑ์ ไม่ได้เจอเพื่อน ไม่ได้เรียนรู้ ทุกอย่างกระทบพัฒนาการของเขาทั้งหมด แต่ละวันของเด็กมีค่ามหาศาล โดยเฉพาะเด็กเล็กที่เรียนรู้ทุกวินาที ไม่ว่าใครที่ทำงานด้านการศึกษาก็เดือดเนื้อร้อนใจด้วยกันทั้งนั้น ต่างพยายามคืนโรงเรียนและการเรียนรู้แก่เด็ก เพราะโรงเรียนไม่ใช่แค่พื้นที่สอนวิชาการ แต่เป็นพื้นที่ทางสังคมที่เขาจะได้เจอเพื่อนๆ พื้นที่ที่จะได้วิ่งเล่นในขณะที่เมืองมีพื้นที่นี้ให้เขาน้อยเต็มที มาดูความพยายามของประเทศต่างๆ กันค่ะว่าเขาทำอย่างไรกันบ้าง เพื่อคืนโอกาสนี้ให้กับนักเรียนของเขา แม้มันจะไม่เหมือนเดิมแบบที่เคยเป็น แต่ในเวลานี้ทุกประเทศต่างหาทางออกที่ดีที่สุด หาจุดลงตัวระหว่างการศึกษากับความปลอดภัย กรณีแรกเป็นของประเทศเดนมาร์ก มีมาตรการออกมามากมาย ทั้งหมดทำให้เด็กๆ กลับมาเรียนได้ ด้วยการจำกัดพื้นที่และผู้คนที่เขาต้องปฏิสัมพันธ์ด้วย ความสะอาดเข้ามามีส่วนในชีวิตเยอะขึ้น การแบ่งปันกลายเป็นสิ่งต้องห้าม เสียดายมากที่ในบทความที่เจอ ไม่มีการรับมือเรื่องจิตใจ ซึ่งสำคัญไม่แพ้สมอง ท้ายบทความคุณครูสะท้อนว่า หลังจากเปิดเรียนตั้งแต่วันที่
Previous Next
Previous Next ปัจจุบันถึงแม้เราจะเข้าถึงอินเตอร์เน็ตได้แทบทุกที่ทุกเวลา แม้จะหาข้อมูลได้แค่ปลายนิ้ว แต่ก็ไม่สามารถปฏิเสธได้ว่ายังมีความรู้และข้อมูลพื้นฐานอีกมากมายที่ยังจำเป็นต่อการใช้ชีวิต (แอดมินไม่แน่ใจว่าเผลอ ๆ อาจจะมีมากกว่าสมัยก่อนก็ได้) แล้วเราจะจดจำข้อมูลเหล่านั้นเพื่อให้นำมาใช้ได้ยามต้องการได้ยังไง? บางแหล่งข้อมูลบอกว่ามนุษย์เรากำลังใช้ความสามารถของสมองอยู่เพี่ยงแค่ 20% บ้างก็ว่า 10% เท่านั้น! ไม่ว่าตัวเลขจริง ๆ จะเท่าใด แต่เชื่อได้เลยว่าเราไม่ได้ใช้มันเต็มศักยภาพที่มีแน่ ๆ สาเหตุหนึ่งคือเราผู้เป็นเจ้าของสมอง แต่ยังไม่ค่อยเข้าใจว่าสมองทำงานอย่างไร วันนี้แอดมินยกเอาเรื่อง working memory มาเล่า พร้อมเสนอวิธีการส่วนหนึ่งที่นำความเข้าใจการทำงานของสมอง มาเพิ่มศักยภาพของมัน เพื่อให้ชีวิตเรา ๆ ดีขึ้นนะคะ หวังว่าจะเป็นประโยชน์กับทุกคนค่ะ
Previous Next อารมณ์ต่าง ๆ ของมนุษย์ที่ช่วยให้เราดำรงค์เผ่าพันธุ์มาได้จนทุกวันนี้ เช่น ความกลัว ความรัก นั้นมีพลังอย่างมหาศาล มันทำงานแบบระบบอัตโนมัติเพื่อให้แน่ใจว่าเราจะรอดปลอดภัยจนทำให้สมองส่วนใหม่หรือสมองส่วนเหตุผลที่มีเฉพาะในมนุษย์เท่านั้น ยังไม่สามารถต้านพลังของธรรมชาติที่ต้องการอยู่รอดได้ แต่ก็เหมือนทักษะอื่น ๆ มากมายที่มนุษย์มี เราต้องฝึกฝนใช้มันเรื่อย ๆ จนให้มันทำงานแบบอัตโนมัติให้ได้ โดยเฉพาะพ่อแม่และคุณครู ต้องพยายามบริหารสมองส่วนนี้อยู่ตลอด เพราะจะช่วยทำให้เราสามารถสร้างสิ่งแวดล้อมที่เป็นเหตุเป็นผล กระตุ้นกระบวนการคิดผ่านการวิเคราะห์ ลดการตัดสินใจผ่านความกลัว ความเกลียด และอารมณ์อื่น ๆ ให้ได้ เพื่อสร้างสังคมการเรียนรู้ภายในบ้านและห้องเรียนที่อุดมด้วยหลักคิด